วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2558

ตำแหน่งทางการทูต

ทำความรู้จักกับตำแหน่งทางการทูต


สวัสดีครับผม จากครั้งที่แล้วเราได้มาทำความรู้จักกับอาชีพนักการทูตกันแล้วคราวนี้เราลองมาศึกษากันเกี่ยวกับตำแหน่งทางการทูตบ้างนะครับ เพราะผมเชื่อว่ายังมีคนอีกหลายๆ คนที่ยังไม่เข้าใจหรือยังไม่ทราบว่าตำแหน่งทางการทูตเนี่ยมันมีอะไรบ้าง และต่างกันยังไง เรามาดูกันเลยดีกว่าครับ



หลายๆ ท่าน อาจจะต้องได้มีโอกาสที่จะต้องมีการติดต่อกับสถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุลใหญ่ ไม่ว่าจะของประเทศไทยหรือต่างประเทศก็ตาม ดังนั้นการเริ่มต้นทำความรู้จักกับตำแหน่งต่าง ๆ ภายในคณะทูตานุทูตเอาไว้เพื่อใช้ในการติดต่อหรือเพื่อประดับความรู้ก็ไม่ถือว่าเสียหายอะไรครับ

เราจะมาเริ่มกันที่ สถานเอกอัครราชทูตกันก่อนนะครับ


ตำแหน่ง ที่ถือว่าเป็น เบอร์หนึ่ง ของสถานเอกอัครราชทูต ก็คือ เอกอัครราชทูต ( Ambassador Extraordinary and Plenipotentiary: เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม) หลายๆ ท่านอาจจะเคยได้ยินตามข่าวในพระราชสำนักนะครับ เวลาที่ท่านเอกอัครราชทูตทั้งหลายจะเข้าถวายบังคมทูลลาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อที่จะไปปฎิบัติราชการเป็นผู้แทนพระองค์ฯ ในต่างประเทศ ซึ่งคำนี้ หมายถึง เอกอัครราชทูตที่รัฐผู้ส่งแต่งตั้งไปยังรัฐผู้รับโดยมอบหมายอำนาจให้ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนของรัฐผู้ส่ง หากท่านเอกอัครราชทูตมิได้มีถิ่นพำนักอยู่ในรัฐผู้รับก็จะเรียกว่า Non-resident Ambassador ครับ

อัครราชทูต ( Minister) ตำแหน่งทางการทูตนี้ ถ้าเห็นจากภาษาอังกฤษแล้ว อาจจะคิดว่าเป็นท่านรัฐมนตรีก็ได้นะครับ  เพราะว่าคำนี้ในทางการทูตจะหมายถึง เบอร์ 2 ของสถานเอกอัครราชทูตครับ เป็นตำแหน่งที่รองลงมาจากเอกอัครราชทูตอีกที

อุปทูต (Chargé d'affaires) ตำแหน่งนี้เป็น ตำแหน่งชั่วคราว ในกรณีที่ตำแหน่งของหัวหน้าคณะผู้แทนว่างลง หรือ หัวหน้าคณะผู้แทนไม่สามารถปฎิบัติหน้าที่ของตนได้ อุปทูตก็จะปฏิบัติหน้าที่แทนเป็นการชั่วคราว
 
ตำแหน่งอื่นๆ  เรียงตามลำดับก็ได้แก่
อัครราชทูตที่ปรึกษา        Minister Counsellor
ที่ปรึกษา                        Counsellor
เลขานุการเอก                 First Secretary
เลขานุการโท                  Second Secretary
เลขานุการตรี                  Third Secretary
ผู้ช่วยเลขานุการ              Attaché
 
*** คำว่า “เลขานุการ” เป็นคำเรียกตำแหน่งของเจ้าหน้าที่การทูตครับ ไม่ใช่ตำแหน่ง เลขาฯ คนที่ 1 หรือ เลขาฯ คนที่ 2 หรือ ผู้ที่ทำงานเป็นเลขานุการผู้บริหาร อย่างที่หลายท่านเข้าใจนะครับ ซึ่งนักการทูตเหล่านี้ อาจจะปฏิบัติงานในด้านต่างๆ เช่น พิธีการทูต สารนิเทศ เศรษฐกิจ การเมือง เป็นต้น หรือ อาจจะปฎิบัติงานเป็นผู้ช่วยท่านเอกอัครราชทูตก็ได้เหมือนกัน
 
***  ส่วนคำว่าผู้ช่วยเลขานุการ (Attaché) เป็นตำแหน่งที่ใช้ในกระทรวงการต่างประเทศจะแตกต่างกับตำแหน่งผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร ผู้ช่วยทูตฝ่ายพาณิชย์ หรือผู้ช่วยฝ่ายแรงงาน หรือที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า Defence attaché / Naval attaché หรือแม้กระทั่ง Commercial attaché  เนื่องจากผู้ช่วยทูตเหล่านี้จะเป็นข้าราชการระดับสูงของกระทรวงต่างๆ หรือฝ่ายทหาร ที่จะถูกส่งไปปฎิบัติงาน ณ สถานเอกอัครราชทูตเพื่อเป็นผู้ช่วยเอกอัครราชทูตในด้านต่างๆ และชื่อตำแหน่งจะแสดงถึงต้นสังกัดด้วย ดังนี้

Defence Attaché   ผู้แทนทางทหารของ กองทัพ หรือของกระทรวงกลาโหม                
Army Attaché         ผู้แทนทางทหารของ กองทัพบก ภาษาไทยเรียกว่า  ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารบก             
Naval Attaché           ผู้แทนทางทหารของ กองทัพเรือ หรือ ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารเรือ                
Air Attaché                ผู้แทนทางทหารของ กองทัพอากาศ หรือ ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารอากาศ 
Commercial Attaché     ผู้แทนของกระทรวงพาณิชย์ หรือ ผู้ช่วยทูตฝ่ายพาณิชย์
Labour Attaché     ผู้แทนของกระทรวงแรงงาน หรือ ผู้ช่วยทูตฝ่ายแรงงาน
 
*** สำหรับตำแหน่ง Attaché ของกระทรวงการต่างประเทศนั้น เป็นเจ้าหน้าที่ระดับที่มีอาวุโสน้อยที่สุดในตำแหน่งสายการทูต ในอดีตเรียกว่าตำแหน่ง “นายเวร”
 
สถานกงสุลใหญ่
 
สถานกงสุลใหญ่จะตั้งอยู่ตามเมืองสำคัญต่างๆ ที่ไม่ใช่เมืองหลวงครับ เพื่อที่จะได้ปฎิบัติงานด้านการส่งเสริมผลประโยชน์ และคุ้มครองคนของชาติตนเอง ไม่ว่าจะเป็นด้านเอกสาร นิติกรรมหรือหนังสือเดินทาง หรือโอกาสของคนและประเทศของตนเอง ในประเทศนั้นๆ ได้ทั่วถึงมากขึ้น 
 
กงสุลใหญ่ (Consul – General) ก็คือหัวหน้าสำนักงาน หรือเบอร์หนึ่งของสถานกงสุลใหญ่ครับ
นอกจากนี้ในสถานกงสุลใหญ่ก็จะมีตำแหน่งอื่นๆ ได้อีกเช่น 
รองกงสุลใหญ่                Deputy Consul-General
กงสุล                           Consul
รองกงสุล                      Vice Consul

เป็นอย่างไรบ้างครับกับตำแหน่งต่าง ๆภายในสถานเอกอัครราชทูต แน่นปึ๊กเลยไหมละครับ 

Diplomat by Tammelody




เส้นทางสู่อาชีพนักการทูต

นักการทูตคืออะไร ?? ที่นี่มีคำตอบ


นายสตีเวน บอสเวิร์ธ ทูตพิเศษของสหรัฐ

แหล่งที่มาของรูปภาพ : http://www.chaoprayanews.com

สวัสดีครับ นี่ก็เป็นบล็อกแรกของการเขียนเรื่องเกี่ยวกับนักการทูตเราจะมาเริ่มต้นกับการรู้จักกับอาชีพนักการทูตกันก่อนเลยครับ เพราะว่าคนส่วนใหญ่นั้นมักจะสงสัยว่าเอ๊ะอาชีพนี้เคยได้ยินและคุ้นหูมาว่าเป็นอาชีพที่ต้องใช้ ภาษา เป็นอย่างมาก แต่ด้วยความที่ว่าภาษานี่แหละ แล้วยังไงต่อ ถ้ามีความรู้ด้านภาษาแล้วจะทำยังไงต่อ นี่จึงเป็นที่มาของข้อสงสัยต่างๆ วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจกันครับ งั้นเราไม่รอช้ากันแล้วเรามาเริ่มทำความรู้จักกับ นักการทูต กันเถอะครับผม


นักการทูต ตัวแทนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

บทบาทหน้าที่นักการทูตโดยหลักๆ แล้วก็คือ การรักษาและส่งเสริมผลประโยชน์ของไทยในเวทีต่างประเทศครับ ดูแล้วเหมือนจะเป็นงานที่มีขอบข่ายกว้างมากแต่ในอดีต บทบาทของนักการทูตโดยส่วนใหญ่แล้วจะเกี่ยวข้องกับการเมืองเสียมากกว่า และมีบทบาทหลักถึงขั้นเป็นตัวตัดสินความอยู่รอดของเอกราชและอธิปไตยของประเทศชาติเลยหละครับ   แต่ทว่าในยุคโลกาภิวัฒน์นี้ บทบาทของนักการทูตนั้นได้ถูกปรับเปลี่ยนไปเพื่อให้ก้าวทันความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้น และการที่นานาประเทศต้องพึ่งพาซึ่งกันและกันมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่มีเรื่องของผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเข้ามามีบทบาทสำคัญขึ้นในนโยบายต่างประเทศโดยจะมีความสำคัญในเรื่องของการเชื่อมโยงกับปัจจัยทางการเมืองและสังคมมากขึ้นครับ


คุณสมบัติของนักการทูต

จะต้องเป็นคนที่ช่างสงสัย เชื่ออะไรยาก ไม่ยอมรับอะไรอย่างปราศจากไร้ซึ่งเหตุผล ดูเหมือนเรื่องมากหรือเข้าใจยากใช่ไหมละครับ ง่ายๆครับ คือเราจะต้องทำเสมือนว่าเราเป็นคนกลางรับฟังเหตุผลของทั้งสองฝ่ายและนำมาพิจารณาก่อนจะตัดสินใจเชื่อเสียก่อนนั่นเองครับ  ที่สำคัญจะต้องชอบตั้งคำถาม มีความสนใจในปัญหาของบ้านเมืองและสังคม ทั้งยังต้องใส่ใจกับความเดือดร้อน ทุกข์สุขของผู้คนที่อยู่ร่วมกันในสังคมครับเพื่อการเข้าใจถึงสภาพของสังคมที่เราจะสามารถแก้ปัญหาได้ยามเมื่อเกิดปัญหาแหละครับ

บทบาทหน้าที่ของนักการทูต

หน้าที่สำคัญของนักการทูต คือ การรักษาและส่งเสริมผลประโยชน์ของไทยในเวทีต่างประเทศ โดยทำหน้าที่รวบรวมและรายงานข้อมูลซึ่่งอาจส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติครับ ซึ่งบ่อยครั้งมักจะเป็นการแนะนำเกี่ยวกับมาตรการรับมือให้แก่รัฐบาลของประเทศ จากนั้น เมื่อมีนโยบายรับมือออกมาจากรัฐบาลแล้ว นักการทูตจะมีหน้าที่ในการถ่ายทอดออกมา ด้วยวิธีการที่ชักจูงให้แก่รัฐบาลประเทศที่ประจำอยู่นั้น เพื่อพยายามโน้มน้าวให้รัฐบาลเหล่านั้นดำเนินการให้เหมาะสมกับผลประโยชน์ของประเทศแม่ ด้วยวิธีการดังกล่าวนักการทูตจึงเป็นจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของวงจรใน กระบวนการนโยบายต่างประเทศครับ

อยากเป็นทูตต้องเรียนอะไร


ผู้ที่จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 เลือกศึกษาต่อในคณะรัฐศาสตร์ เอกการทูต สิ่งที่สำคัญ คือ
ต้องมีพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ ยิ่งมีความรู้มากยิ่งดี และการทูตไม่ใช่ว่าจะเน้นด้านภาษาอย่างเดียวนะครับ แต่เรายังต้องเรียนนโยบาย การเมือง องค์กร ของประเทศต่าง ๆอีกด้วย ซึ่งก็คือต้องศึกษาเกี่ยวกับการเมืองของต่างประเทศ ถ้าจะให้ดีควรเรียนภาษาอื่นเพิ่มด้วยครับ ยกตัวอย่างภาษาจำพวก ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น เพราะปัจจุบันนี้ ประเทศเหล่านี้เริ่มมีบทบาทต่อโลกมากขึ้นแล้วดังนั้นการสามารถสื่อสารกับคนกลุ่มนี้นับว่าเป็นเรื่องสำคัญมากในความคิดส่วนตัวของผมนะครับ และจะมีการศึกษาถึงประวัติศาสตร์ แต่จะเป็นประวัติศาสตร์เหตุการณ์โลกและการปกครองเสียมากกว่าครับ


ลองศึกษาจากคลิปด้านล่างนี้เพิ่มเติมนะครับ ^_^



ขอบคุณคลิปจาก : True ปลูกปัญญาครับ


เป็นอย่างไรบ้างละครับกับเส้นทางสู่การเป็นนักการทูตครับ ปวดหัวไหมละครับ นี่มันอาชีพการเมืองหรือไงกันนะ แต่อย่างว่าแหละครับถ้าคนที่ Born to be แล้ว ก็จะต้องอย่าลืมพยายามฝึกฝนและพัฒนาตัวเองเพื่อทำให้ความฝันนั้นสำเร็จนะครับ






Diplomat by Tammelody